วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

การสร้างแอปพลิเคชั่นทายคำศัพท์

การสร้างแอปพลิเคชั่นทายคำศัพท์

ชื่อ  นางสาวชลธิชา  นามสกุล  เสือคง 

 

การออกแบบจอภาพการสร้างแอปพลิเคชั่นทายคำศัพท์
6.1. ภาพการออกแบบหน้าจอจากเว็บแอปอินเวนเตอร์


การออกแบบบล็อกโปรแกรมจอจากเว็บแอปอินเวนเตอร์
6.2. ภาพการออกแบบบล็อกโปรแกรมจอจากเว็บแอปอินเวนเตอร์

การใช้แอปพลิเคชั่นทายคำศัพท์
6.3. ภาพหน้าจอโปรแกรมจากโทรศัพท์ แสดงการใช้โปรแกรม 3-5 ภาพ







จัดทำโดย  นางสาวชลธิชา   เสือคง  รหัสนักศึกษา 5931280052



วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560

2. Layout components

2. Layout Components   องค์ประกอบเค้าโครง

จัดทำโดย นางสาวชลธิชา  เสือคง รหัส 5931280052 ชทค. ปวส.2 กลุ่ม 3 
 

 สารบัญเค้าโครง

1. HorizontalArrangement

2. HorizontalScrollArrangement

3. TableArrangement

4. VerticalArrangement

5. VerticalScrollArrangement

 

 1. HorizontalArrangement (การจัดการตามแนวนอน)

เป็นองค์ประกอบใช้สำหรับจัดเค้าโครงให้อยู่ในแนวนอนเพื่อแสดงกลุ่มขององค์ประกอบที่วางจากซ้ายไปขวา  คอมโพเนนต์นี้เป็นองค์ประกอบการจัดรูปแบบที่ใช้วางส่วนประกอบที่ควรจะแสดงจากซ้ายไปขวา ถ้าหากต้องการให้คอมโพเนนต์แสดงผลอยู่ติดกันในแนวตั้งให้ใช้ VerticalArrangementแทน        ใน HorizontalArrangement ส่วนประกอบจะจัดเรียงตามแกนนอนแนวตั้งตรงกลาง 

การตั้งค่า
 - หากผู้ใช้ตั้งค่าความสูงของ HorizontalArrange เป็น Automatic ความสูงที่แท้จริงของการจัดเรียงจะถูกกำหนดจากวัตถุที่อยู่ใน HorizontalArrange
ซึ่งไม่มีการตั้งค่าคุณสมบัติ Height เป็น Fill Parent ถ้าคุณสมบัติ HeightArrangment's Height ถูกตั้งค่าเป็น Automatic และมีเฉพาะคอมโพเนนต์ที่มีการกำหนดคุณสมบัติ Height ไว้ที่ Fill Parent  ความสูงที่แท้จริงของการจัดเรียงจะคำนวณโดยใช้ความสูงโดยอัตโนมัติของส่วนประกอบ หากคุณสมบัติ HeightArrangement's Height ถูกตั้งค่าเป็น Automatic และว่างเปล่าความสูงจะเท่ากับ 100



- หากผู้ใช้ตั้งค่าความกว้างของ HorizontalArrange เป็น Automatic ความกว้างจริงของการจัดเรียงจะพิจารณาจากผลรวมของความกว้างของส่วนประกอบ หากคุณสมบัติ HorizontalArrangement's Width ถูกตั้งค่าเป็น Automatic ส่วนประกอบใด ๆ ที่มีการกำหนดคุณสมบัติ Width ไว้ที่ Fill Parent จะทำหน้าที่เหมือนกับที่ได้ตั้งค่าไว้เป็น Automatic 


- หากผู้ใช้ตั้งค่าความกว้างของ HorizontalArrange เป็น Fill Parent หรือระบุเป็นพิกเซลคอมโพเนนต์
ใด ๆ ที่มีการกำหนดคุณสมบัติ Width เป็น Fill Parent จะใช้ความกว้างที่ไม่ได้ครอบครองโดยองค์ประกอบอื่น ๆ

คุณสมบัติ


 AlignHorizontal

การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวนอน มีค่าดังนี้  1 = จัดชิดซ้าย, 2 = ชิดขวา, 3 = แนวนอนกึ่งกลาง
การจัดตำแหน่งจะไม่มีผลหากความกว้างของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

AlignVertical



การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวตั้ง มีค่าดังนี้  1 = เรียงชิดกันที่ด้านบน, 2 = เรียงชิดกันที่ด้านล่าง, 3 = ตรงกลาง  
การจัดตำแหน่งไม่มีผลหากความสูงของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

BackgroundColor 
สีพื้นหลังสำหรับส่วนประกอบต่างๆ



Height  
ความสูงของการจัดวางแนวนอน

Width 
ความกว้างของการจัดวางแนวนอน

Image 
ภาพพื้นหลังของส่วนประกอบต่างๆ

Visible 
ถ้าเป็นจริง (Checkbox) ส่วนประกอบและเนื้อหาจะปรากฎให้เห็น



2. HorizontalScrollArrangement  (การจัดการตามแนวตั้งที่สามารถเลื่อนซ้ายขวาได้ตามจำนวนของส่วนประกอบ)

องค์ประกอบการจัดรูปแบบที่จะวางส่วนประกอบที่สามารถแสดงจากซ้ายไปขวา คือสามารถสามารถเลื่อนซ้าย-ขวา ได้

คุณสมบัติ



  AlignHorizontal


การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวนอน มีค่าดังนี้  1 = จัดชิดซ้าย, 2 = ชิดขวา, 3 = แนวนอนกึ่งกลาง
การจัดตำแหน่งจะไม่มีผลหากความกว้างของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

AlignVertical



การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวตั้ง มีค่าดังนี้  1 = เรียงชิดกันที่ด้านบน, 2 = เรียงชิดกันที่ด้านล่าง, 3 = ตรงกลาง  
การจัดตำแหน่งไม่มีผลหากความสูงของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

BackgroundColor 
สีพื้นหลังสำหรับส่วนประกอบต่างๆ



Height  
ความสูงของการจัดวางแนวนอนเป็นเปอร์เซ็น

Width 
ความกว้างของการจัดวางแนวนอนเป็นเปอร์เซ็น

Image 
ภาพพื้นหลังของส่วนประกอบต่างๆ

Visible 
ระบุว่าจะให้คอมโพเนนต์ปรากฏบนหน้าจอหรือไม่ ค่าเป็นจริงถ้าคอมโพเนนต์แสดงและเท็จถ้าซ่อนไว้



3. TableArrangement (การจัดเรียงแบบตาราง)

ใช้ส่วนประกอบการจัดตารางเพื่อแสดงกลุ่มขององค์ประกอบในแบบตาราง
ใน TableArrangement ส่วนประกอบจะถูกจัดเรียงเป็นตารางแถวและคอลัมน์โดยจะไม่สามารถมองเห็นได้มากกว่าหนึ่งองค์ประกอบในแต่ละเซลล์  หากคอมโพเนนต์หลายตัวอยู่ในเซลล์เดียวกันจะเห็นเฉพาะส่วนสุดท้ายเท่านั้น 
ความกว้างของคอลัมน์จะถูกกำหนดโดยคอมโพเนนต์ที่กว้างที่สุดในคอลัมน์นั้น เมื่อคำนวณความกว้างของคอลัมน์ความกว้างอัตโนมัติจะใช้สำหรับคอมโพเนนต์ที่มีการตั้งค่า Width ไว้เป็น Fill Parent
อย่างไรก็ตามแต่ละคอมโพเนนต์จะเติมเต็มความกว้างเต็มของคอลัมน์ที่ใช้ 

ความสูงของแถวถูกกำหนดโดยส่วนประกอบที่สูงที่สุดในแถวที่ไม่มีการตั้งค่าคุณสมบัติความสูงไว้เป็น Fill Parent ถ้าแถวประกอบด้วยเฉพาะคอมโพเนนต์ที่มีการตั้งค่าความสูงเป็น Fill Parent ความสูงของแถวจะคำนวณโดยใช้ความสูงโดยอัตโนมัติของคอมโพเนนต์

คุณสมบัติ 


Columns
จำนวนของคอลัมน์ ในตาราง
 
Height
ความสูงของการจัดตาราง
 
Width
ความกว้างของการจัดตาราง

Rows
จำนวนของแถว ในตาราง

Visible 
ถ้าเป็นจริงส่วนประกอบและเนื้อหาจะปรากฏให้เห็น

 

4. VerticalArrangement (การจัดระเบียบในแนวตั้ง)

ใช้องค์ประกอบการจัดเรียงแบบแนวตั้งเพื่อแสดงกลุ่มขององค์ประกอบที่วางจากบนลงล่างจัดชิดซ้าย
คอมโพเนนต์นี้เป็นองค์ประกอบการจัดรูปแบบที่คุณวางคอมโพเนนต์ที่ควรจะแสดงด้านล่าง คอมโพเนนต์ลูกแรกจะถูกเก็บไว้ที่ด้านบนสุดส่วนลูกที่สองจะถูกเก็บไว้ที่ด้านล่างถัดไปเรื่อยๆหากต้องการให้มีคอมโพเนนต์แสดงอยู่ติดกันให้ใช้ HorizontalArrangement แทน 

การตั้งค่า
- หากผู้ใช้ตั้งค่าความกว้างของ VerticalArrangement's เป็น Automatic ความกว้างที่แท้จริงของการจัดเรียงจะถูกกำหนดโดยคอมโพเนนต์ที่กว้างที่สุดในการจัดเรียงซึ่งคุณสมบัติ Width ไม่ได้กำหนดให้เป็น Fill Parent ถ้าคุณสมบัติ VerticalArrangement's Width ถูกตั้งค่าเป็น Automatic และมีเฉพาะคอมโพเนนต์ที่มีการกำหนดคุณสมบัติ Width ไว้ที่ Fill Parent  ความกว้างจริงของการจัดเรียงจะคำนวณโดยใช้ความกว้างอัตโนมัติของส่วนประกอบ ถ้าคุณสมบัติ VerticalArrangement Width ถูกตั้งค่าเป็น Automatic และว่างเปล่าความกว้างจะเท่ากับ 100 

- ถ้าผู้ใช้ตั้งค่าความสูงของ VerticalArrangement's เป็น Automatic ความสูงที่แท้จริงของการจัดเรียงจะถูกกำหนดโดยผลรวมของความสูงของส่วนประกอบ ถ้าคุณสมบัติ VerticalArrangement's Height ถูกตั้งค่าเป็น Automatic ส่วนประกอบใด ๆ ที่มีคุณสมบัติ Height ถูกตั้งค่าเป็น Fill Parent จะทำงานเหมือนกับว่าได้ตั้งค่าเป็น Automatic  
หากความสูงของ VerticalArrangement ถูกตั้งค่าเป็น Fill Parent หรือระบุเป็นพิกเซลส่วนประกอบใด ๆ ที่มีคุณสมบัติ Height ถูกตั้งค่าเป็น Fill Parent จะใช้ค่าความสูงที่ไม่ได้ครอบครองโดยคอมโพเนนต์อื่น ๆ

 คุณสมบัติ




  AlignHorizontal


การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวนอน มีค่าดังนี้  1 = จัดชิดซ้าย, 2 = ชิดขวา, 3 = แนวนอนกึ่งกลาง
การจัดตำแหน่งจะไม่มีผลหากความกว้างของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

AlignVertical



การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวตั้ง มีค่าดังนี้  1 = เรียงชิดกันที่ด้านบน, 2 = เรียงชิดกันที่ด้านล่าง, 3 = ตรงกลาง  
การจัดตำแหน่งไม่มีผลหากความสูงของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

BackgroundColor 
สีพื้นหลังสำหรับส่วนประกอบต่างๆ



Height  
ความสูงของการจัดวางแนวตั้ง

Width 
ความกว้างของการจัดวางแนวตั้ง

Image 
ภาพพื้นหลังของส่วนประกอบต่างๆ

Visible 
ระบุว่าจะให้คอมโพเนนต์ปรากฏบนหน้าจอหรือไม่ ค่าเป็นจริงถ้าคอมโพเนนต์แสดงและเท็จถ้าซ่อนไว้



5. VerticalScrollArrangement (การจัดระเบียบในแนวตั้งที่สามารถเลื่อนซ้ายขวาได้ตามจำนวนของส่วนประกอบ)

องค์ประกอบการจัดรูปแบบที่จะวางคอมโพเนนต์ที่ควรจะแสดงด้านล่าง (คอมโพเนนต์ลูกแรกจะถูกเก็บไว้ที่ด้านบนส่วนที่สองด้านล่าง ฯลฯ ) ถ้าคุณต้องการให้ส่วนประกอบแสดงอยู่ติดกันให้ใช้ HorizontalArrangement แทน สามารถสามารถเลื่อนซ้าย-ขวา ได้

คุณสมบัติ  

  AlignHorizontal



การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวนอน มีค่าดังนี้  1 = จัดชิดซ้าย, 2 = ชิดขวา, 3 = แนวนอนกึ่งกลาง
การจัดตำแหน่งจะไม่มีผลหากความกว้างของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

AlignVertical



การตั้งค่าจัดวางเรียงตามแนวตั้ง มีค่าดังนี้  1 = เรียงชิดกันที่ด้านบน, 2 = เรียงชิดกันที่ด้านล่าง, 3 = ตรงกลาง  
การจัดตำแหน่งไม่มีผลหากความสูงของการจัดเรียงเป็นไปโดยอัตโนมัติ

BackgroundColor 
สีพื้นหลังสำหรับส่วนประกอบต่างๆ



Height  
ความสูงของการจัดวางแนวตั้ง  เป็นเปอร์เซ็นต์

Width 
ความกว้างของการจัดวางแนวตั้ง เป็นเปอร์เซ็นต์

Image 
ระบุเส้นทางของรูปภาพของคอมโพเนนต์ หากมีภาพและ BackgroundColor มีเพียงภาพเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้

Visible 
ระบุว่าจะให้คอมโพเนนต์ปรากฏบนหน้าจอหรือไม่ ค่าเป็นจริงถ้าคอมโพเนนต์แสดงและเท็จถ้าซ่อนไว้




 แหล่งที่มาของเนื้อหาหลัก
http://ai2.appinventor.mit.edu/reference/components/layout.html#VerticalScrollArrangement


วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

โปรแกรม MIT AppInventor2

ใบงานที่ 3 
สรุปความรู้ MIT App Inventor 2
จัดทำโดย นางสาวชลธิชา  เสือคง  รหัสนักศึกษา 5931280052 เลขที่ 2 ปวส.2 กลุ่ม 3

MIT App Inventor 2 เป็นโปรแกรมสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบแอนดรอยด์ สามารถใชได้แบบฟรีแวร์ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เหมาะสำหรับนักพัฒนามอใหม่ และนักศึกษา

1.แนะนำเครื่องมือ Tools ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน

1.1 TinnyDB1
สำหรับ  TinnyDB1 จะอยู่ใน Pattern ของ Storage เปรียบเสมือนหน่วยความจำชนิดหนึ่ง เป็นฐานข้อมลขนาดเลกที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ


1.2 Notifier1
Notifier1 อยู่ใน Pattern ของ User Interface เป็นการแสดง PopUp หรือการแจ้งเตือน


1.3 TinyWebDB1
TinyWebDB1 อยู่ใน Pattern ของ Storage เช่นเดียวกันกับ TinyDB1 เพราะเปรียบเสมือนหน่วยความจำเช่นกัน



1.4 SpeechRecognizer1
 SpeechRecognizer1 อยู่ใน Pattern ของ  Media เป็นเครื่องมือที่แปลงจากเสียงเป็นตัวอักษร เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นแอปพลิเคชั่นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนพิการทางหู เป็นต้น


1.5 TextToSpeech1
TextToSpeech1 อยู่ใน Pattern ของ Media เป็นเครื่องมือที่แปลงจากตัวอักษร


2.จากนั้นนำอุปกรณ์ที่แนะนำขั้นต้นมาวางที่ Screen จากนั้นนำ Button และ Label มาวางดังรูป แล้วเปลี่ยนโหมดการเขียนโปรแกรมไปที่ Block


3. เมื่อเปลี่ยนโหมดมาที่หน้า Block แล้ว ให้เริ่มเขียนโค้ดต่างๆตามที่เราต้องการ ในตัวอย่างที่แสดงคือ การเขียนคำสั่ง เมื่อ Button1 ถูกคลิก จะสั่งให้แอปพลิเคชั่นทำงานอะไรนั่นเอง 

                   



   


  
*ในตัวอย่างคือการสั่ง Button ต่างๆให้ทำงานเมื่อถูกคลิก

4. หน้าตาของโค้ดเมื่อทำการเขียนเรีบร้อย

                                        

5. จากนั้นทำการทดลองแอปพลิเคชั่น ด้วยการ Build


 6. ทำการสแกนแล้วดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น จากนั้นทดลองใช้


7. ทดลองกรอกข้อความลงใน Textbox แล้วกด Enter  
เมื่อกดปุ่ม OK จะมี PopUp แสดงขึ้นมา
เมื่อกดปุ่ม Goto จะมีเสียงพูดตามที่เราพิมพ์
เมื่อกดปุ่ม Voice จะสามารถพูดแล้วจะมีข้อความที่เราพูดขึ้นใน Textbox












วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

โปรแกรม MIT Appinventor2

ใบงานที่ 2 การประยุกต์ใช้
Web viewer และ BarcodeScanner
จัดทำโดย นางสาวชลธิชา  เสือคง  รหัสนักศึกษา 5931280052 เลขที่ 2 ปวส.2 กลุ่ม 3

ในบล็อกแรกได้มีคำอธิบายเกี่ยวกับ ai2appinventor อยู่บ้างงแล้ว สำหรับบล็อกนี้ก็จะมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tools ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มา 
เริ่มแรกเลยก็คือการ สร้าง New Project ขึ้นมาใหม่เพราะการใช้งานนั้น ต่างกันและการใช้คำสั่งก็จะเพิ่มขึ้น หากกลับไปใช้ Project เดิมนั้นอาจทำให้เกิดการสับสนได้ มาเริ่มขั้นที่ 1 กันเลย

1.  เมื่อเรา เข้าเว็บไซต์ ai2appinventor แล้วให้ทำการ New Project ขึ้นมาใหม่


2. เมื่อทำการ New Project แล้วให้ตั้งชื่อตามที่ต้องการ แต่ควรจะสื่อความหมายในสิ่งที่เรากำลังจะทำ เช่นในครั้งนี้เราจะทำแอปพิเคชั่นเกี่ยวกับการสแกนบาร์โค้ด ก็ควรตั้งให้ใกล้เคียงที่สุด เช่น BarcodeScanner Scanner เป็นต้น



3.เมื่อเราสร้าง New Project ขึ้นใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วจะขึ้นหน้า Screen 1 เราสามารถที่จะเปลี่ยนชื่อในจุดนี้ได้ตามที่เราต้องการ จากนั้นให้เราลาก Button และ Label มาวางไว้ที่ 
Screen 1  แล้วปรับการจัดวางให้เหมาะสมสวยงาม แล้วเปลี่ยนชื่อ Button 

                                                 การเปลี่ยนชื่อ Screen


                                  

4.  ที่แถบเครื่องมือ เลือกที่ Sensors แล้วลาก BarcodeScanner มาวางไว้ที่ Screen 1 


**เมื่อนำเครื่องมือมาวางครบที่ต้องการแล้ว ที่หน้าจอ Screen1 จะมี 1 Button กับอีก 1 Label ให้สังเกตที่ BarcodeScanner ที่เรานำมาวาง จะไม่โชว์ที่ Screen1 เพราะเป็นการทำงานเบื้องหลังนั่นเอง


5. จากนั้นให้เปลี่ยนโหมดไปที่ Blocks 




6. เมื่อเปลี่ยนโหมดมาที่ Blocks  เราจะต้องทำการเขียนโค้ด เพื่อสั่งให้ Application ทำงานตามที่เราต้องการ 

                   **การเขียนโค้ดคำสั่ง จะคล้ายกับการต่อจิ้กซอว ดังที่เห็นในรูปภาพตัวอย่าง ซึ่งความหมายของโค้ด When Button1 Click do call BarcodeScanner1 ก็คือ เมื่อ Button1 ถูกคลิก ตัว BarcodeScanner จะถูกเรียกมาใช้งานทันที 


              **ความหมายของโค้ดด้านบนคือ เมื่อ BarcodeScanner1 ทำการ Scan แล้วให้ Label1 ทำการแสดงข้อมูลการสแกนขึ้นมา ดังตัวอย่างด้านล่าง



             **เมื่อเราได้ทำการเขียนโค้ดเพื่อสั่งการแอปพลิเคชั่นเรียบร้อยแล้ว จะได้โค้ดดังตัวอย่างนี้

7.  จากนั้นทำการ Build  ตามขั้นตอนดังนี้

 
 8. จากนั้นโปรแกรมจะทำการ Compile โค้ดที่ทำการเขียน หลังจากนั้นจะขึ้น QRCode ให้เราสแกนเพื่อดาวน์โหลดใส่สมาร์ทโฟน 

 

9. จากนั้นให้เราทำการสแกนโค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปพิเคชั่นที่เราสร้างขึ้นมา แล้วทดลองใช้ 

 

 


 **จากนั้นเราจะได้ Application ที่เราทำการสร้างขึ้นมาเอง

10. ทดลองใช้



**เมื่อเข้าไปใน Application จะปรากฏหน้าจอดังตัวอย่าง จากนั้นให้ลองทำการ Scan โดยคลิกที่ Scanner  แล้วเข้าใน Google หาเว็บสร้าง Barcode แล้วทดลองสแกนดู



**ตามข้อความที่กรอกเพื่อสร้างบาร์โคด คือ mindcholticha จากนั้นทำการสแกนแล้วตรวจสอบข้อความว่าตรงกันหรือไม่
** เว็บสร้างบาร์โค้ด   http://www.barcode-generator.org/ 




เมื่อที่หน้าจอขึ้นข้อความที่ถูกต้องนั่นหมายความว่าเราเขียนโค้ดถูกต้อง 

11. ทำการแก้ไขโปรแกรมโดยการ เพิ่ม Web Viewer เข้าไปใน Application ด้วย 


ที่ UserInterface เลือก Web Viewer  ลากมาวางไว้ที่หน้าโปรแกรม 



12. จากนั้นเปลี่ยนไปที่โหมด Blocks เพื่อเขียนโค้ดการทำงานของ Application 


**จะสังเกตได้ว่าจะมีโค้ดเพิ่มมาเมื่อทำการแสกน นั่นคือมีการเรียก WebViewer มาใช้นั่นเอง

13.จากนั้นทำการ Build อีกครั้งเพื่อ Compile แล้วนำ QRCode มาสแกนเพื่อดาวน์โหลด Application ลงในสมาร์ทโฟน แล้วทำการทดลองใช้งานและดูผลลัพท์ที่เกิดขึ้น 



14. เมื่อได้ Application มาแล้ว ให้ทำการสร้างบาร์โค้ด โดยการสร้างบาร์โค้ดนั้นให้ทดลองสร้างโดยการใส่ที่อยู่ เว็บใดเว็บหนึ่ง แล้วทำการแสกนบาร์โค้ดนั้น 

**จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าใช้ที่อยู่เว็บในการสร้างบาร์โค้ด จากนั้นทำการสแกนแล้วดูผลลัพธ์


**จากผลลัพธ์ จะเห็นได้ว่าเราสามารถสแกนเพื่อเข้าเว็บไซต์ต่างๆได้ ทั้งนี้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมายในหลายๆกรณี 




นางสาวชลธิชา  เสือคง เลขที่ 2 ปวส.2 กลุ่ม 3 วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก